คุณเคยรู้สึกท้อแท้กับอาการปวดหลังที่ไม่หายขาดหรือไม่?
ไม่ว่าคุณจะลองรักษาวิธีไหน ก็ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดได้ บางครั้งการรักษาที่ผิดวิธีอาจทำให้อาการแย่ลง และรู้สึกหมดหวัง
อาการปวดหลังไม่ว่าจะเป็นปวดหลังส่วนล่าง ปวดสะโพกร้าวลงขา หรือปวดต้นคอท้ายทอย ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันไม่เหมือนเดิมโรงพยาบาลเอส สไปน์ พร้อมที่จะช่วยคุณออกจากลูปปวดหลังด้วยการรักษาที่ต้นเหตุ เพื่อให้คุณกลับมามีชีวิตที่ปกติและสุขภาพที่ดีอีกครั้ง
การค้นหาสาเหตุของโรคที่ต้นเหตุ
การค้นหาสาเหตุของอาการปวดหลัง และปวดคอที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
การวินิจฉัยที่ถูกต้องตั้งแต่แรกจะช่วยลดโอกาสในการรักษาผิดวิธี และป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง
โรงพยาบาลเอส สไปน์ ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เช่น เครื่อง MRI แบบยืนที่มีเครื่องเดียวในประเทศไทย ซึ่งออกแบบมาเพื่อการตรวจโรคกระดูกสันหลังโดยเฉพาะ การตรวจด้วยเครื่อง MRI จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นภาพรายละเอียดของเนื้อเยื่ออ่อน หมอนรองกระดูก และเส้นประสาทได้อย่างแม่นยำ ขณะที่ X-ray ช่วยให้เห็นภาพรวมของกระดูกในร่างกายได้ชัดเจน และช่วยตรวจสอบการเคลื่อนของกระดูกสันหลัง ข้อกระดูกสันหลัง และการเกิดกระดูกงอกที่อาจกดทับเส้นประสาท ซึ่งการทำ X-ray ควบคู่ไปกับ MRI จะช่วยให้แพทย์มีข้อมูลที่ครบถ้วนในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การรักษาด้วยเทคโนโลยี MIS ที่โรงพยาบาลเอส สไปน์
โรงพยาบาลเอส สไปน์ มีการรักษาแบบ MIS Spine (Minimally Invasive Spine Surgery) ที่ครบวงจร ประกอบด้วย:
1. การจี้เลเซอร์ (Laser): เทคโนโลยีนี้ใช้ในการรักษาหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น และเสื่อมไม่มาก เพื่อลดอาการปวด และเสี่ยงแทรกซ้อนน้อยลง โดยแผลมีขนาดเพียง 0.1 เซนติเมตร หรือเท่ากับเข็มฉีดยา
2. การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอนโดสโคปที่บริเวณหลัง ด้วยเทคนิคPSLD: การผ่าตัดนี้ช่วยลดอาการปวดหลังที่เกิดจากโรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท และโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบกดทับเส้นประสาท โดยไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ ทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว โดยแผลมีขนาดเพียง 0.5 เซนติเมตร
3. การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอนโดสโคปที่บริเวณคอ ด้วยเทคนิคPSCD : ช่วยรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท โดยไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ ทำให้ฟื้นตัวเร็วและลดความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด โดยแผลมีขนาดเพียง 0.5 เซนติเมตร
4. การรักษากระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท ด้วยเทคนิค Full Endo TLIF: เทคโนโลยีนี้ช่วยรักษาโรคข้อกระดูกสันหลังเคลื่อน โดยการเชื่อมข้อกระดูกสันหลังส่วนเอวด้วยกล้องเอ็นโดสโคป ทำให้แผลเล็กลงและไม่ต้องให้เลือด ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในเวลาอันสั้นและฟื้นตัวเร็ว โดยแผลมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร หรือเท่ากับหัวนอต
5. การรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาทบริเวณคอทางด้านหน้าด้วยเทคนิค Endo ACDF: ช่วยรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาทจากทางด้านหน้า โดยการเชื่อมข้อกระดูกสันหลังโดยเปิดแผลเล็กๆ ขนาด 1-2 เซนติเมตร หรือเท่ากับหมอนรองกระดูกเทียม
6. การฉีดซีเมนต์รักษากระดูกสันหลังแตก หัก ยุบ ทรุด (Cement): การฉีดซีเมนต์ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกสันหลัง ลดอาการปวดและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำ โดยแผลมีขนาดเพียงเท่าเข็มฉีดยา
การรักษาด้วยเทคโนโลยี MIS มีข้อดีหลายประการ เช่นการรักษาด้วยเทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องเปิดแผลใหญ่ทำให้ลดความเสียหายของเนื้อเยื่อ และลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัด การเปิดแผลขนาดเล็กช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม
เรื่องราวจากผู้ป่วยจริงที่ได้รับการรักษา
คุณอารีวรรณ เล่าเรื่องราวการรักษาหมอนรองกระดูกปูดกดทับเส้นประสาทของเธอว่า
“ช่วงที่อยู่ต่างประเทศ ไปเล่นกอล์ฟกับเพื่อนบ่อยจนมีอาการปวดต้นคอท้ายทอย แต่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ เธอจึงไปหาหมอและถูกส่งต่อไปยังแพทย์เฉพาะทาง จากนั้นได้ทำ MRI พร้อมกับได้ยาแก้ปวดมาทาน แต่อาการปวดก็กลับมาเป็นอีก เธอได้รักษาทุกแนวทางกว่า 3 ปี แต่อาการปวดไม่ดีขึ้น และยังหาสาเหตุไม่เจอ จนได้มีโอกาสมาเยี่ยมบ้านที่ประเทศไทย ซึ่งมีคนแนะนำให้เข้ามาตรวจที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ เธอคิดว่าเวลาในการรักษาไม่น่าจะเพียงพอ แต่ก็ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ และได้ทำ MRI อีกครั้ง พบว่าเห็นหมอนรองกระดูกส่วนคอปูดออกมาทับเส้นประสาท สาเหตุที่เห็นรอยโรคในครั้งนี้เพราะที่นี่ใช้เครื่อง MRI แบบยืน จึงทำให้มองเห็นรอยโรคที่ไม่สามารถพบในท่านอนได้ จากนั้นแพทย์ได้แนะนำให้ผ่าตัดด้วยการจี้เลเซอร์ ซึ่งแทบไม่เห็นแผล ในวันรุ่งขึ้นก็กลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง”
ด้านคุณปพน กับโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทส่วนเอว เล่าว่า
“ผมมีอาการปวดสะโพกร้าวลงขามานาน 7 เดือน ลองรักษาหลายวิธีแต่ไม่หาย ทานยาตามคำแนะนำจากยูทูปและเฟซบุ๊ก แต่ก็ไม่ได้ผล อาการปวดเริ่มหนักขณะที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน จนต้องมีคนเข็นรถให้ที่สนามบิน หลังจากไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่นหลายครั้งก็ยังไม่พบสาเหตุ จนมาที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ คุณหมอทำการตรวจ MRI แบบยืน และพบว่าหมอนรองกระดูก L4-L5 ของผมเสื่อมอีกทั้งยังมีแคลเซียมเกาะ ทำให้โพรงประสาทตีบแคบ และได้ทำการรักษาโดยการเจาะรู้ส่องกล้องด้วยเทคนิค PSLD ตอนนี้ผมหายดีแล้ว นอนโรงพยาบาลคืนเดียวผมก็กลับมาเดินได้เหมือนเดิมอีกครั้ง”
อาการปวดหลังหรือปวดคอเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ โรงพยาบาลเอส สไปน์ เป็นสถานพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยมากกว่า 100,000 ราย ด้วยวิธีการรักษาที่เน้นหาสาเหตุของโรคที่ต้นเหตุ และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ผู้ป่วยออกจากลูปของอาการปวดหลัง และกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัว คนที่รัก หรือทำในสิ่งที่ชอบได้อีกครั้ง
ปวดไม่หาย…โทรเลย 02 034 0808