“มันเหมือนปลิดทิ้งไปเลย เหมือนเค้าหยิบออกให้เราไป...หยิบออกให้ไปแล้วการดำเนินชีวิตของเรามันก็ปกติ”

คุณสุรยุทธ รักษาอาการปวดท้ายทอย 

ประสบการณ์การรักษาของคุณสุรยุทธ ที่มารักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนเอวในปี 63 และกลับมารักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอในปี 65 เริ่มแรกคุณสุรยุทธ เขามีอาการปวดหลังร้าวลงขาทั้ง2 ข้าง รู้สึกเหมือนของหนักๆ ลงมาทับที่หลังชาลงขา ตอนกลางคืนรู้สึกร้อนที่ขาตลอดเวลาจนนอนไม่ได้ถ้าจะนอนก็ต้องกินยาแก้ปวดตลอดเวลา เมื่อยาหมดฤทธิ์อาการปวดก็กลับขึ้นมาเป็นเหมือนเดิมอีก ทำให้เขารู้สึกว่าจะปล่อยให้ตัวเองทนทุกข์ทรมานทุกๆ วันไม่ได้แล้ว “ต้องหาโรงพยาบาลที่รักษาโรคนี่อย่างจริงจัง”

ขณะที่กำลังนั่งหาข้อมูลการรักษาในโซเชียลมีเดียก็เจอข้อมูลของโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง จากนั้นก็เริ่มติดตามและศึกษาข้อมูลของโรงพยาบาลมาเรื่อยๆ นานกว่า 2 เดือน โดยอาการปวดหลังร้าวลงขามันก็ปวดและชามากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เขาจึงตัดสินใจทำนัดและขับรถจากจังหวัดพิจิตรเข้ากรุงเทพฯ ด้วยตัวเขาเองก่อนที่จะขับไม่ไหว

เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่พยาบาลได้สักประวัติและก็พาเข้าพบคุณหมอ  คุณหมอได้แนะนำให้ตรวจด้วยเครื่อง MRI ซึ่งเขารู้สึกกลัวและตื่นเต้นมาก เพราะมันคือครั้งแรกในชีวิตที่จะต้องเข้าเครื่องสแกน เมื่อเข้าเครื่อง MRI แบบเปิดทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวและไม่รู้สึกอึดอัดอย่างที่คิดไว้ พอตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่พยาบาลได้เรียกเข้าไปฟังผลตรวจกับคุณหมอโดยทันที คุณหมอได้ขึ้นจอให้ดูว่าเขาเป็นตรงจุดไหน ต้องได้รับการรักษาจุดไหน และคุณหมอได้เปิดวิดีโอขึ้นตอนการรักษาว่าเขาจะได้รับการรักษาด้วยวิธีไหน “ในตอนนั้นคุณหมอได้แนะนำให้ทำเจาะรูส่องกล้อง” พอได้เห็นอย่างนั้นเขาจึงทำการตัดสินใจเข้ารับการรักษาวันนั้นโดยทันที

ความรู้สึกแรกหลังจากคุณสุรยุทธได้รับการรักษาในใจของเขาสัมผัสคือ “อาการปวดหลังร้าวลงขามันหายไปราวปาฏิหาริย์ อาการมันหายไปเลยเหมือนไม่เคยมีอาการปวดมาก่อน เหมือนกับว่าคุณหมอได้หยิบความเจ็บปวดตรงนั้นออกไป มันทำให้การดำเนินชีวิตของเขากลับมาเหมือนปกติอีกครั้ง” เขารู้สึกดีใจที่อาการปวดเหล่านี้ได้ออกไปจากชีวิตของเขา ทำให้เขากลับไปทำสิ่งที่ต้องการ

แต่จากนั้นไม่นาน อาการปวดเริ่มก็เริ่มเกิดขึ้นกับเขา แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นที่คอ สาเหตุเกิดจากเขามีอาการปวดเมื่อยแล้วไปกายภาพบำบัดจนมีอาการระบมที่ท้ายทอย หลังจากนั้นก็เริ่มมีอาการปวดท้ายทอยร้าวขึ้นหัว จนต้องใช้มือนวดหัวตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แต่เมื่อเขาประสบอุบัติเหตุตกเก้าอี้ จนมีอาการปวดหลังอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีความรู้สึกเหมือน 2 ปีก่อน โดยในใจคิดว่า “จะเป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นอีกไหม?” จึงตัดสินใจกับภรรยาขับรถเข้ากรุงเทพฯ มาพบคุณหมอที่โรงพยาบาลเอสฯ อีกครั้ง

ครั้งนี้อาการปวดหลังของเขาต้องเกิดจากการตกเก้าอี้อย่างแน่นอน แต่กลับพบว่าหลังของเขาแค่อักเสบเท่านั้น แต่คุณหมอกลับแจ้งว่า เขาเป็นหมอนรองกระดูกที่คอปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาทอยู่ 2 จุด คือ C3 ถึง C4 และC6 ถึง C7 เขารู้สึกแปลกใจเพียงแค่เขาบอกคุณหมอว่า “ผมมีอาการปวดท้ายทอยร้าวขึ้นหัวร่วมกับอาการปวดหลัง”

จึงทำให้เขามั่นใจที่จะเข้ารับการรักษาอีกครั้ง เพราะเขาเชื่อว่า “การรักษาที่ตรงจุดพร้อมการวินิฉัยด้วยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังมันคือสิ่งที่ดีที่สุด ที่ผมได้เลือกแล้ว"

หลังจากเข้ารับการรักษาเขาได้คิดกับตัวเองว่าเหมือนแดจาวูที่เขาเคยมารักษาครั้งแรก เพราะอาการปวดท้ายทอยและหัวของเขามันหายไป “เหมือนมีคนหยิบความเจ็บปวดของเราออกไปอีกครั้ง”

คุณสุรยุทธ ยังได้เล่าอีกว่า การที่เขาได้รักษาทั้งคอและหลัง ทำให้เห็นว่าอาการปวดมันจะหายไปภายในคืนเดียวและเขาไม่ต้องนอนทรมานเหมือนเพื่อนของเขาที่ต้องนอนโรงพยาบาลนาน ผ่าตัดแค่คืนเดียวก็กลับบ้านได้ บางคนอาจจะมองว่าการผ่าตัดนั้นอันตราย แต่เทคโนโลยีของโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ ทันสมัยและไม่น่ากลัวอย่างที่คิด 

“การรักษาที่ตรงจุดสำหรับอาการที่เราเป็นสิ่งที่ผมเลือก และผมเป็นคนที่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวผม โรงพยาบาลนี้คือสิ่งที่ผมเลือก” คุณสุรยุทธกล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณที่ไว้วางใจให้โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ การรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทถึง 2 ครั้ง และทำให้คุณสุรยุทธ พ้นทุกข์จากความเจ็บปวด ได้กลับไปใช้ชีวิตที่ต้องการอีกครั้ง ขอบพระคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้

แบ่งปันบทความนี้
โทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ 02-034-0808 Line ID @s-spinehospital